บทนำ |
นโยบายการจ่ายยาต้านไวรัสเอดส์ภายใต้ระบบประกันสุขภาพ เป็นนโยบายการให้บริการจ่ายยาต้านไวรัสเอดส์แก่ผู้ติดเชื้อโรคภูมิคุ้มกันโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (ผู้ติดเชื้อฯ) เป็นนโยบายที่เน้นถึงความเสมอภาค และความเป็นธรรมในการเข้าถึงบริการการจ่ายยาต้านไวรัสเอดส์แก่ผู้ติดเชื้อฯ นโยบายนี้นอกจากจะเป็นนโยบายที่ทำให้เกิดการ“ซ่อม” สุขภาพของผู้ติดเชื้อฯ แล้วยังเป็นการ “สร้าง” สุขภาพของผู้ติดเชื้อฯ ทำให้ผู้ติดเชื้อฯ มีการติดเชื้อแทรกซ้อนลดลง ทำให้มีสุขภาพในภาพรวมดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น มีอายุยืนยาวขึ้น ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้รับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมนอกจากเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อเป็นการให้บริการรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ โดยมีจุดมุ่งหมาย ให้ประชาชาชนสามารถเข้าถึงยาต้านไวรัสเอดส์เมื่อจำเป็น ซึ่งในระยะแรกนั้น สปสช. และ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้บริหารจัดการกองทุนดังกล่าวร่วมกัน ในปีงบประมาณ 2550 สปสช.ได้รับงบประมาณสำหรับการให้บริการผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อเป็น จำนวนประมาณ 3,800 ล้านบาท |
จึงได้มีการดำเนินการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการโรคเอดส์ขึ้นภายในสปสช. เพื่อดำเนินการบริหารจัดการกองทุนดังกล่าวให้บรรลุตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุน ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการให้บริการผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ ผู้ป่วยเอดส์
การเปลี่ยนแปลงระบบการจ่ายยาต้านไวรัสเอดส์ไปสู่การจ่ายยาต้านไวรัสเอดส์ภายใต้ระบบประกันสุขภาพ นอกจากจะส่งผลกระทบต่อผู้ติดเชื้อโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อผู้ให้บริการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ ตลอดจนวิถีของพฤติกรรมสุขภาพและพฤติกรรมด้านอื่นๆ ของประชาชนที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบถึงภาวะสุขภาพของประชาชนในสังคมต่อไป |
อย่างไรก็ตาม แม้จะเคยมีการศึกษาวิจัย และ มีประสบการณ์จากงานวิจัยที่ประเมินผลการให้ยาต้านไวรัสเอดส์ ในประเทศไทย และ ในต่างประเทศมาบ้าง ก็ยังคงคาดหมายได้ยาก ว่านโยบายการจ่ายยาต้านไวรัสเอดส์ภายใต้ระบบบริการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าดังกล่าว จะส่งผลกระทบเช่นใดบ้าง จึงน่าที่จะมีการศึกษาวิจัยการประเมินระบบบริการของผู้ที่รับยาต้านไวรัสเอดส์ภายใต้ระบบประกันสุขภาพ อย่างเป็นระบบ และ กว้างขวาง เพื่อประเมินระบบบริการของผู้ที่รับยาต้านไวรัสเอดส์ ภายใต้ระบบประกันสุขภาพ ในประเทศไทย ในด้านการเข้าถึงยาต้านไวรัสเอดส์ การรับประทานยาต้านไวรัสเอดส์อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ คณะผู้วิจัยจึงได้เสนอชุดโครงการวิจัย “การประเมินระบบบริการของผู้ที่รับยาต้านไวรัสเอดส์ ภายใต้ระบบประกันสุขภาพ ในประเทศไทย” เพื่อทำการศึกษาในประเด็นต่างๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ |
วัตถุประสงค์ทั่วไป |
เพื่อประเมินระบบบริการของผู้ที่รับยาต้านไวรัสเอดส์ ภายใต้ระบบประกันสุขภาพ ในประเทศไทย |
วัตถุประสงค์เฉพาะ |
1. เพื่อศึกษาการเข้าถึงยาต้านไวรัสเอดส์ และเหตุผลที่ทำให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ ไม่มารับบริการยาต้านไวรัสเอดส์ และศึกษาพฤติกรรมการดูแลตนเอง และทางเลือกอื่นที่ผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์คิดว่าดีกว่า และเลือกที่จะไม่มารับบริการยาต้านไวรัสเอดส์ ภายใต้ระบบประกันสุขภาพ ในประเทศไทย
2. เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการรับประทานยาต้านไวรัสเอดส์อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ (Adherence of ARVs therapy) ของผู้ที่รับยาต้านไวรัสเอดส์ ภายใต้ระบบประกันสุขภาพ ในประเทศไทย
3. เพื่อศึกษา ผลลัพธ์ทางสุขภาพ ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการจ่ายยาต้านไวรัสเอดส์ ต่อ ผู้ที่รับยาต้านไวรัสเอดส์ ภายใต้ระบบประกันสุขภาพ ในประเทศไทย |
เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ คณะผู้วิจัยได้เสนอการศึกษา จำนวน 3 โครงการในชุดโครงการคือ
1.โครงการ การเข้าถึงยาต้านไวรัสเอดส์ และ เหตุผลที่ทำให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ ไม่มารับบริการยาต้านไวรัสเอดส์ ภายใต้ระบบประกันสุขภาพ ในประเทศไทย
2.โครงการ ปัจจัยที่มีผลต่อการรับประทานยาต้านไวรัสเอดส์อย่างต่อเนื่องของผู้ที่มารับยาต้านไวรัสเอดส์ ภายใต้ระบบประกันสุขภาพ
3.โครงการ ผลลัพธ์ด้านสุขภาพจากการให้ยาต้านไวรัสเอดส์ ภายใต้ระบบประกันสุขภาพ ในประเทศไทย
|
|